วันอังคารที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2555

น้ำสมุนไพร..เสริมคอลลาเจนใต้ผิวหนัง


 น้ำสมุนไพร..เสริมคอลลาเจนใต้ผิวหนัง



สูตรเสริมสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง และบำรุงผิวพรรณให้เต่งตึง โดยอาศัยสารอาหารที่มีอยู่ในกีวีและองุ่นเขียว
      กีวี อุดมไปด้วยวิตามินซี แมกนีเซียม โพแทสเซียม แคลเซียม ฟอสฟอรัส โซเดียม และเบตาแคโรทีน ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันแก่ร่างกาย ไม่ถูกหวัดกินง่าย ๆ ในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง

      องุ่นเขียว เพิ่มความเร็วให้แก่กระบวนการเผาผลาญอาหาร รวมทั้งการล้างพิษ เหมาะกับผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนัก ดีต่อเลือดลม ช่วยขับปัสสาวะ ในองุ่นเป็นแหล่งรวมของฟอสฟอรัส กำมะถัน แคลเซียม เหล็ก วิตามินบี1 บี2 วิตามินซี กรดไฟโตเคมิคอลเอลลาจิก และทาร์ทาริก

      ส่วนผสม      กีวี 1 ถ้วย
      องุ่นเขียว 1 ถ้วย
      น้ำแข็งป่น 1 ถ้วย

       วิธีทำ      เริ่มด้วยการนำกีวีและองุ่นเขียวไปทำความสะอาด จากนั้นนำองุ่นเขียวไปผ่าครึ่งโดยไม่ต้องเอาเมล็ดออก ส่วนกีวีให้ปลอกเปลือกก่อนแล้วหั่นเป็นแว่น นำองุ่นเขียวและกีวีไปปั่นรวมกันด้วยเครื่องปั่น หลังจากปั่นไปได้สักครู่จนเนื้อผลไม้พอละเอียดเข้ากันให้เติมน้ำแข็งป่นเล็กน้อยแล้วปั่นส่วนผสมทั้งหมดอีกครั้งเป็นอันเสร็จ




15 คอลลาเจนจากธรรมชาติ

15 คอลลาเจนจากธรรมชาติ
คอลลาเจน ชื่อนี้หมายถึงหน้าใสไร้รอยตีนกา แต่ไม่จำเป็นที่จะต้องเสียเงินจ่ายแพงซื้ออาหารเสริมที่โฆษณาว่ามีคอลลาเจนมากินกัน เพราะของพวกนี้ธรรมชาติจัดมาให้อยู่แล้ว


      ประเภทราคาถูก
ได้แก่ ผักคะน้า ผักโขม หน่อไม้ฝรั่ง พริกหวานสีแดง แตงกวา มะเขือเทศ แครอท
      ประเภทราคาสูง แนะนำ บีทรูท มะม่วงหิมพานต์ บลูเบอร์รี่ อัลมอนด์ อะโวคาโด มะกอกดำ เซเลอรี่ แคนตาลูป

วันเสาร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ
บทบาทความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ
ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  ทำให้มีการพัฒนาคิดค้นสิ่งอำนวยความสะดวกสบายต่อการดำรงชีวิตเป็นอันมาก  เทคโนโลยีได้เข้ามาเสริมปัจจัยพื้นฐานการดำรงชีวิตได้เป็นอย่างดี เทคโนโลยีทำให้การสร้างที่พักอาศัยมีคุณภาพมาตรฐานสามารถผลิตสินค้าและให้บริการต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์มากขึ้น เทคโนโลยีทำให้ระบบการผลิตสามารถผลิตสินค้าได้เป็นจำนวนมาก  มีราคาถูกลง  สินค้าได้คุณภาพ เทคโนโลยีสารสนเทศซึ่งให้บริการด้านข้อมูล  ข่าวสารด้วยกลไกอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้มีการติดต่อสื่อสารกันได้สะดวก  รวดเร็วตลอดเวลา  จะเห็นว่าชีวิตปัจจุบันเกี่ยวข้อง กับเทคโนโลยีเป็นอันมาก  ซึ่งส่วนใหญ่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ในการทำงาน


รูปที่ 1.1 การติดต่อสื่อสารผ่านดาวเทียม

    เราลองจินตนาการดูว่า  เราเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีด้านใดบ้างจากตัวอย่างต่อไปนี้   เมื่อตื่นนอนเราอาจได้ยินเสียงจากวิทยุ  ซึ่งกระจายเสียงข่าวสารหรือสาระบันเทิง  เราใช้โทรศัพท์สื่อสารกับเพื่อน  ดูรายการทีวีหรือวีดิทัศน์  ระหว่างมาโรงเรียนเดินทางผ่านถนนที่มีระบบไฟสัญญาณที่ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์  ที่ศูนย์การค้าเราขึ้นลิฟต์ ขึ้นบันไดเลื่อนที่มีการควบคุมการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์  ที่บ้านอาจมีเครื่องปรับอากาศที่ควบคุมอุณหภูมิโดยอัตโนมัติ  ทำอาหารด้วยเตาอบ  ซึ่งควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์  ซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้า  จะเห็นว่าชีวิตในปัจจุบันเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเป็นอันมาก  อุปกรณ์เหล่านี้ส่วนใหญ่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์เป็นส่วนประกอบในการทำงาน


รูปที่ 1.2 เครื่องอำนวยความสะดวกภายในบ้าน

    ในอดีตยุคที่มนุษย์ไม่มีถิ่นฐานแน่นอน   มีชีวิตที่เร่ร่อน   มีอาชีพเกษตรกรรม  ล่าสัตว์  ต่อมามีการรวมตัวกันเป็นสังคมเมือง    และทำให้เกิดการผลิตเชิงอุตสาหกรรม เพื่อตอบสนองความต้องการสินค้าและบริการปริมาณมาก สังคมจึงเป็นสังคมเมืองที่มีอุตสาหกรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง  แต่หลังจากปี พ.ศ. 2530  เป็นต้นมา  ระบบสื่อสารโทรคมนาคมและคอมพิวเตอร์ก้าวหน้ามาก  ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคสังคมสารสนเทศ  ชีวิตความเป็นอยู่เกี่ยวข้องกับข้อมูลข่าวสารจำนวนมาก  การสื่อสารโทรคมนาคมกระจายทั่วถึง  ทำให้ข่าวสารแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว  สังคมในปัจจุบันเป็นสังคมไร้พรมแดน  เพราะเรื่องราวของประเทศหนึ่งสามารถกระจายแพร่ไปยังประเทศต่าง ๆ  ได้อย่างรวดเร็ว

นิยามเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ    คำว่า   “เทคโนโลยี”     หมายถึง    การประยุกต์เอาความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์  การศึกษาพัฒนาองค์ความรู้ต่าง ๆ ก็เพื่อให้เข้าใจธรรมชาติ  กฎเกณฑ์ของสิ่งต่าง ๆ    และการนำมาประยุกต์ให้เกิดประโยชน์    เทคโนโลยีจึงเป็นคำที่มีความหมาย กว้างไกล  เป็นคำที่เราได้พบเห็นและได้ยินอยู่ตลอดเวลา


รูปที่  1.3 วงจรรวม

    ส่วนคำว่า “สารสนเทศ”  หมายถึง  ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์  มนุษย์แต่ละคนตั้งแต่เกิดมาได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ  เป็นจำนวนมาก     เรียนรู้สภาพสังคมความเป็นอยู่    กฎเกณฑ์และวิชาการ


รูปที่  1.4 สื่อที่ช่วยในการรับส่งข้อมูลข่าวสาร

    ภายในสมองมนุษย์ซึ่งเป็นที่เก็บข้อมูลไว้มากมายจะมีข้อจำกัดในการจัดเก็บ  การเรียกใช้  การประมวลผล  และการคิดคำนวณ  ดังนั้นจึงมีผู้พยายามสร้างเครื่องจักรเครื่องมือ  เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการจัดการสารสนเทศ  เช่น  เครื่องคอมพิวเตอร์  ซึ่งสามารถเก็บข้อมูลไว้ในหน่วยความจำได้มาก สามารถให้ข้อมูลได้แม่นยำและถูกต้องเมื่อมีการเรียกค้นหา  ทำงานได้ตลอดวันไม่เหน็ดเหนื่อย  และยังส่งข้อมูลไปได้ไกลและรวดเร็วมาก  เครื่องจักร  อุปกรณ์ที่เกี่ยวกับสารสนเทศนั้นมีมากมายตั้งแต่เครื่องคอมพิวเตอร์  อุปกรณ์รอบข้าง  ระบบสื่อสารโทรคมนาคมสมัยใหม่   ทำให้เกิดงานบริการที่อำนวยความสะดวกต่างๆในชีวิตประจำวัน
    เมื่อรวมคำว่า “เทคโนโลยี” กับ “สารสนเทศ”  เข้าด้วยกัน  จึงหมายถึง  เทคโนโลยีที่ใช้จัดการสารสนเทศ  เป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องตั้งแต่การรวบรวมการจัดเก็บข้อมูล  การประมวลผล  การพิมพ์  การสร้างรายงาน  การสื่อสารข้อมูล  ฯลฯ  เทคโนโลยีสารสนเทศจะรวมไปถึง  เทคโนโลยีที่ทำให้เกิดระบบการให้บริการ  การใช้  และการดูแลข้อมูล


รูปที่  1.5 การฝากถอนเงินผ่านเครื่องเอทีเอ็ม

    เทคโนโลยีสารสนเทศจึงมีความหมายที่กว้างขวาง   รอบ ๆ ตัวที่เกี่ยวกับการใช้สารสนเทศอยู่มาก  ดังนี้
        1. การเก็บรวบรวมข้อมูล  เป็นวิธีการรวบรวมข้อมูลเข้าสู่ระบบ  นักเรียนอาจเห็นพนักงานการไฟฟ้าไปที่บ้านพร้อมเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กเพื่อบันทึกข้อมูลการใช้ไฟฟ้าในการสอบที่มีผู้เข้าสอบจำนวนมากก็มีการใช้เดินสอดำระบายตามช่องที่เลือกตอบ  เพื่อให้เครื่องอ่านเก็บรวบรวมข้อมูลได้  เมื่อไปซื้อสินค้าที่ห้างสรรพสินค้าก็มีการใช้รหัสแท่ง (bar code)  พนักงานจะนำสินค้าผ่านการตรวจของเครื่องอ่านรหัสแท่งเพื่ออ่านข้อมุลการซื้อสินค้า  เมื่อไปที่ห้องสมุดก็พบว่าหนังสือมีรหัสแท่งเช่นเดียวกัน  การใช้รหัสแท่งนี้เพื่อให้ง่ายต่อการจัดการข้อมูล  จะเห็นได้ว่าการเก็บ
รวบรวมข้อมูลจากคอมพิวเตอร์สามารถเก็บได้หลายแบบ


รูปที่ 1.6 ตัวอย่างการเก็บรวบรวมข้อมูล  โดยพนักงานใช้เครื่องกราดตรวจอ่านรหัสแท่ง

        2. การประมวลผล  ข้อมูลที่เก็บมาได้มักจะเก็บในสื่อต่าง ๆ  เช่น  แผ่นบันทึก 
แผ่นซีดี  และเทป  ข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำมาประมวลผลตามความต้องการ  เช่น  แยกแยะข้อมูล
เป็นกลุ่ม  เรียงลำดับข้อมูล  คำนวณ  หรือจัดการคัดแยกข้อมูลที่จัดเก็บนั้น


รูปที่ 1.7 ตัวอย่างการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยพนักงานใช้เครื่องกราดตรวจอ่านรหัสแท่ง

        3. การแสดงผลลัพธ์  คือการนำผลจากการประมวลผลที่ได้  มาแสดงผลลัพธ์ให้อยู่ในรูปแบบต่าง ๆ   อุปกรณ์ที่ใช้ในการแสดงผลลัพธ์มีมาก  สามารถแสดงเป็นตัวหนังสือ  รูปภาพ   ตลอดจนพิมพ์ออกมาที่กระดาษ     การแสดงผลลัพธ์มีทั้งที่แสดงเป็นภาพ     เสียง  และวีดิทัศน์  เป็นต้น
 

รูปที่ 1.8 การแสดงผลลัพธ์ทางเครื่องพิมพ์

        4. การทำสำเนา  เมื่อมีข้อมูลที่จัดเก็บในสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ  การทำสำเนาจะทำ
ได้ง่าย  และทำได้เป็นจำนวนมาก  อุปกรณ์ที่ช่วยในการทำสำเนาจัดได้ว่าเป็นเทคโนโลยีสารสนเทศอีกประเภทหนึ่งที่มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง  เรามีเครื่องพิมพ์  เครื่องถ่ายเอกสาร  อุปกรณ์การเก็บข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์  เช่น  แผ่นบันทึก  ซีดีรอม  ซึ่งสามารถทำสำเนาได้เป็นจำนวนมาก


รูปที่  1.9 ตัวอย่างการทำสำเนา

        5. การสื่อสารโทรคมนาคม  เป็นวิธีการที่จะส่งข้อมูลหรือข่าวสารจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง  หรือกระจายออกไปยังปลายทางครั้งละมากๆ  ปัจจุบันมีระบบสื่อสารโทรคมนาคมหลายประเภท    ตั้งแต่โทรเลข  โทรศัพท์  โทรสาร  วิทยุ  โทรทัศน์  และเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่มีรูปแบบของสื่อหลายอย่าง  เช่น  สายโทรศัพท์  เส้นใยนำแสง  เคเบิลใต้น้ำ  คลื่นวิทยุ  ไมโครเวฟ   และดาวเทียม


รูปที่  1.10 การสื่อสารโทรคมนาคม


ลักษณะสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ    โดยพื้นฐานของเทคโนโลยี ย่อมมีประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าได้  แต่เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวิถีความเป็นอยู่ของสังคมสมัยใหม่อยู่มาก   ลักษณะเด่นที่สำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ  มีดังนี้
        1. เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยให้การทำงานรวดเร็ว  ถูกต้อง  และแม่นยำ   ในระบบการจัดการขององค์กรทุกแห่งต้องใช้ข้อมูลเพื่อการดำเนินการและตัดสินใจ    ระบบธุรกิจจึงใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีการสื่อสารเป็นเครื่องมือช่วยในการดำเนินการเพื่อให้การทำงานมีความรวดเร็ว  ถูกต้อง  และแม่นยำ  เช่น  ใช้ในระบบฝากถอนเงิน และระบบจองตั๋วเครื่องบิน
        2. เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยทำให้การบริการกว้างขวางขึ้น  เมื่อมีการพัฒนาระบบเก็บและใช้ข้อมูล  ทำให้การบริการต่างๆอยู่ในรูปแบบการบริการแบบกระจาย  ผู้ใช้สามารถสั่งซื้อสินค้าจากที่บ้าน  สามารถถามข้อมูลผ่านทางโทรศัพท์  นิสิตนักศึกษาบางมหาวิทยาลัยสามารถใช้คอมพิวเตอร์สอบถามผลสอบจากที่บ้านได้
        3. เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยดำเนินการในหน่วยงานต่างๆ  ปัจจุบันทุกหน่วยงานต่างพัฒนาระบบจัดเก็บข้อมูลและรวบรวมข้อมูลเพื่อใช้ในองค์กร  ประเทศไทยมีระบบทะเบียนราษฎร์ที่จัดทำด้วยระบบคอมพิวเตอร์  ระบบเวชระเบียนในโรงพยาบาล  ระบบการจัดเก็บข้อมูลภาษีซึ่งในปัจจุบันองค์กรทุกระดับเห็นความสำคัญที่จะนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้


รูปที่  1.11 เว็บไซต์ระบบทะเบียนราษฎร์

        4. เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยงานในชีวิตประจำวัน


รูปที่ 1.12 สารสนเทศเกี่ยวข้องกับคนทุกระดับ
ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศ    ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศต่อชีวิตความเป็นอยู่และสังคมมีมาก  มีการเรียนรู้และใช้สารสนเทศกันอย่างกว้างขวาง  ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศกล่าวไว้ดังนี้
        1. การสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น  สภาพความเป็นอยู่ของสังคมเมือง มีการพัฒนาใช้ระบบสื่อสารโทรคมนาคม  เพื่อติดต่อสื่อสารให้สะดวกขึ้น  มีการประยุกต์มาใช้กับเครื่องอำนวยความสะดวกภายในบ้าน  เช่น  ใช้ควบคุมเครื่องปรับอากาศ  ใช้ควบคุมระบบไฟฟ้าภายในบ้าน  เป็นต้น


รูปที่ 1.13 ตัวอย่างการใช้รีโมทเพื่อความสะดวกในการควบคุมโทรทัศน์

        2. เสริมสร้างความเท่าเทียมในสังคมและการกระจายโอกาส  เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้เกิดการกระจายไปทั่วทุกหนแห่ง  แม้แต่ถิ่นทุรกันดาร  ทำให้มีการกระจายโอกาสการเรียนรู้  มีการใช้ระบบการเรียนการสอนทางไกล  การกระจายการเรียนรู้ไปยังถิ่นห่างไกล  นอกจากนี้ในปัจจุบันมีความพยายามที่ใช้ระบบการรักษาพยาบาลผ่านเครือข่ายสื่อสาร
        3. สารสนเทศกับการเรียนการสอนในโรงเรียน  การเรียนการสอนในโรงเรียน มีการนำคอมพิวเตอร์และเครื่องมือประกอบช่วยในการเรียนรู้ เช่น วีดิทัศน์ เครื่องฉายภาพ  คอมพิวเตอร์ช่วยสอน  คอมพิวเตอร์ช่วยจัดการศึกษา  จัดตารางสอน  คำนวณระดับคะแนน  จัดชั้นเรียน  ทำรายงาน  เพื่อให้ผู้บริหารได้ทราบถึงปัญหาและการแก้ปัญหาในโรงเรียน  ปัจจุบันมีการเรียนการสอนทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในโรงเรียนมากขึ้น


รูปที่ 1.14 เทคโนโลยีสารสนเทศกับการเรียนการสอน

        4. เทคโนโลยีสารสนเทศกับสิ่งแวดล้อม  การจัดการทรัพยากรธรรมชาติหลายอย่าง  จำเป็นต้องใช้สารสนเทศ  เช่น  การดูแลรักษาป่า  จำเป็นต้องใช้ข้อมูล  มีการใช้ภาพถ่ายดาวเทียม  การติดตามข้อมูลสภาพอากาศ  การพยากรณ์อากาศ  การจำลองรูปแบบสภาวะสิ่งแวดล้อมเพื่อปรับปรุงแก้ไข  การเก็บรวบรวมข้อมูลคุณภาพน้ำในแม่น้ำต่างๆ  การตรวจวัดมลภาวะ  ตลอดจนการใช้ระบบการตรวจวัดระยะไกลมาช่วย  ที่เรียกว่า โทรมาตร  เป็นต้น


รูปที่ 1.15 ภาพถ่ายจากการสื่อสารผ่านดาวเทียมแสดงสภาวะพื้นดินและวัดมลภาวะ

        5. เทคโนโลยีสารสนเทศกับการป้องกันประเทศ  กิจการทางด้านการทหารมีการใช้เทคโนโลยี  อาวุธยุทโธปกรณ์สมัยใหม่ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์และระบบควบคุม  มีการใช้ระบบป้องกันภัย  ระบบเฝ้าระวังที่มีคอมพิวเตอร์ควบคุมการทำงาน

 
รูปที่  1.16 เรือจักรีนฤเบศร์

        6. การผลิตในอุตสาหกรรม และการพาณิชยกรรม  การแข่งขันทางด้านการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมจำเป็นต้องหาวิธีการในการผลิตให้ได้มาก  ราคาถูกลง  เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทมาก  มีการใช้ข้อมูลข่าวสารเพื่อการบริหารและการจัดการ  การดำเนินการและยังรวมไปถึงการให้บริการกับลูกค้า  เพื่อให้ซื้อสินค้าสะดวกขึ้น


รูปที่  1.17 ตัวอย่างกระบวนการผลิตสินค้าในโรงงานอุตสาหกรรม

        7. ความคิดและการสร้างสรรค์  เทคโนโลยีสารสนเทศมีผลกระทบเกี่ยวข้องกับทุกเรื่องในชีวิตประจำวัน  และมีแนวโน้มที่จะมีบทบาทมากยิ่งขึ้น 

น.ส.ศันสนีย์ สังโสมา   สาขา อังกฤษธุรกิจ   รหัส 5430123315228

ช็อกโกแลตทำให้สิวขึ้น?

ช็อกโกแลตทำให้สิวขึ้น?
  
สิวเป็นโรคผิวหนังที่พบบ่อยที่สุด และอาจนับว่าเป็นโรคที่พบบ่อยที่สุดก็ว่าได้  เพราะมีการประมาณว่าคนเรา ๑๐๐ คนเคยเป็นสิวถึง ๙๙ คน  มีคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเรื่องสิว เช่น

กินช็อกโกแลตแล้วทำให้สิวขึ้นไหม?
แพทย์มักบอกผู้ป่วยว่าช็อกโกแลตไม่ได้มีส่วนกระตุ้นให้โรคสิวกำเริบ เพราะมีงานวิจัย ๒ ฉบับที่เป็นที่ยอมรับกันแพร่หลายตั้งแต่เมื่อ ๔๐ ปีที่แล้ว ได้ศึกษาผลของช็อกโกแลต นม ถั่ว และน้ำอัดลม โดยศึกษาผู้ป่วยโรคสิว ๖๕ ราย โดยแบ่งเป็น ๒ กลุ่ม
     กลุ่มที่ ๑ ให้กินช็อกโกแลตแท่ง
     กลุ่มที่ ๒ ให้กินอาหารแท่งที่ไม่มีช็อกโกแลต
     พบว่าไม่มีความแตกต่างของสิวในผู้ป่วยทั้ง ๒ กลุ่ม
     โดยทั่วไปจึงเชื่อว่าอาหารพวกไอศกรีมและนมไม่ทำให้สิวกำเริบ ยกเว้นกรณีผู้ที่เป็นสิวอักเสบและกำลังได้รับการรักษาโดยกินยาปฏิชีวนะ เช่น เตตราซัยคลีน ไม่ควรดื่มนมภายในเวลา ๑ ชั่วโมงครึ่งก่อน หรือ ๒ ชั่วโมงหลังกินยา เพราะนมจะขัดขวางการดูดซึมของยา ทำให้กินยาแล้วสิวก็ยังไม่หายสักที แต่ก็มีผู้ป่วยหลายรายที่เชื่อว่าช็อกโกแลตกระตุ้นให้สิวเห่อ  ซึ่งอาจเนื่องมาจากช็อกโกแลตในปัจจุบันมีปริมาณของน้ำตาลและนมสูงกว่าช็อกโกแลตที่ใช้ในการทดลองครั้งนั้น
     ในปีพ.ศ.๒๕๔๕ นายแพทย์คอร์เดียน (Cordain) และคณะรายงานว่า คนบางกลุ่ม (เช่น ชนเผ่าบางเผ่าในปารากวัย ปาปัวนิวกินี ฯลฯ) ไม่เป็นสิว ทั้งๆ ที่สิวเป็นโรคผิวหนังที่พบบ่อยที่สุดทั่วโลก จึงตั้งทฤษฎี “การได้รับน้ำตาลน้อย” ว่า เมื่อร่างกายได้รับน้ำตาล และแป้งน้อยก็จะไม่นำไปสู่ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง และภาวะอินซูลินในเลือดสูง ซึ่งนำไปสู่การผลิตสารไอจีเอฟ-1 (IGF-1, insulin-like growth factor-1) เพิ่มขึ้น
     สารไอจีเฟอ-1 นี่เองที่ทำให้ผิวหนังแบ่งตัวเร็วขึ้น และหนาตัวขึ้นด้วย ทำให้รูขุมขนแคบลงเกิดการอุดตันได้ง่าย จึงเป็นสิวง่ายขึ้น “ภาวะน้ำตาลน้อย” นี้ยังมีส่วนยับยั้งการผลิตแอนโดรเจน (ฮอร์โมนเพศชาย) ให้พอดี ไม่มากเกินไป เพราะถ้าฮอร์โมนเพศชายมากเกินจะมีการสร้างไขมันที่ผิวหนังมาก จึงเป็นสิวได้ง่ายขึ้น 
     มีการศึกษาทดลองในอาสาสมัครผู้ชายอายุ ๑๕-๒๕ ปีโดยให้กินอาหารที่มีน้ำตาลต่ำนาน ๑๒ สัปดาห์ พบว่านอกจากช่วยลดน้ำหนักแล้ว ยังช่วยลดสิวด้วย จึงเป็นไปได้ว่า การกินอาหารที่มีน้ำตาลสูงมีส่วนเพิ่มสิว ในทางตรงกันข้ามการกินอาหารที่มีน้ำตาลน้อยมีส่วนช่วยลดสิวได้
     นอกจากนั้น การดื่มนมหรือกินผลิตภัณฑ์จากนมมากเกินไป ก็พบว่าอาจเพิ่มสิวได้เช่นกัน กลไกเรื่องนี้อาจเป็นผลจากการได้รับไอโอดีนเพิ่มขึ้น และการดื่มนมยังอาจเพิ่มสารไอจีเอฟ-1 ที่ทำให้ผิวหนังแบ่งตัวเร็วและหนาตัวขึ้นทำให้รูขุมขนแคบลง เกิดการอุดตันได้ง่ายจึงเป็นสิวง่าย
     ส่วนช็อกโกแล็ตที่ทำให้สิวเห่อได้ในบางคนอาจเป็นผลจากส่วนผสมของนม หรือน้ำตาลในช็อกโกแลตค่อนข้างสูงกว่าช็อกโกแลตที่นำมาทำการวิจัยในอดีต
     การศึกษาใหม่ๆ ในยุคนี้จึงมีแนวโน้มบ่งชี้ไปว่า การได้รับน้ำตาล นม หรือผลิตภัณฑ์นมที่มากเกินควรอาจมีส่วนเพิ่มสิวได้
 

วันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2555

นางสาว ศันสนีย์  สังโสมา
เกิดที่ จ. เพชรบูรณ์
ตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ที่ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร